Carguru-bysetthi
ภาพ:เศรษฐี
เปิดศักราช2017 มาภาคใต้เจอวิกฤตกับพิษน้ำท่วมด้วยน้ำน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบรรทัด carguru-bysetthi เอาใจช่วย
เลยเอาเทคนิคการขับรถฝ่าน้ำมาฝากกัน
เผื่อเเฟนคลับ carguru-bysetthi จำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ!!!
อย่า!!เปิดเเอร์ เมื่อต้องเผชิญกับถนนที่มีน้ำท่วมขัง พึงระลึกไว้เสมอว่าห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด เพราะถ้าพัดลมแอร์ทำงานอยู่ มันจะพัดน้ำที่อยู่บนถนนกระจายไปทั่วห้องเครื่องทำให้เครื่องยนต์ดับได้ นอกจากนี้ควรระวังพวกขยะที่ลอยมากับน้ำจะเข้าไม่ติดมอเตอร์พัดลมหรือเกี่ยวใบพัดเสียหาย ทำให้ระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์พังได้เช่นกัน
ควรดูความสูงของช่วงล่างว่าสามารถขับลุยได้หรือไม่ ถ้าเป็นรถเก๋งทั่วไปสามารถลุยน้ำได้สูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร แต่ถ้าน้ำสูงกว่านั้นควรหลบไปใช้เส้นทางอื่นดีกว่าเสี่ยงให้น้ำเข้าท่อไอเสีย และรถดับกลางทาง ถ้ารถกระบะ20-25 เซ็นติเมตร กระบะยกสูง 30-35 เซ็นติเมตร
วิ่งด้วยเกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา ควรใช้ประมาณเกียร์ 2 ส่วนเกียร์ออโต้ก็ใช้เกียร์ L และขับขี่ด้วยความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยใช้ความเร็วสม่ำเสมอ เลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 รอบต่อนาที พยายามรักษารอบเดินเบาไว้ อย่าใช้ความเร็วสูงเพราะน้ำจะกระเด็นใส่พัดลมด้านหน้า
อย่าเร่งเครื่องยนต์เด็ดขาด การเร่งเครื่อง ยิ่งทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น เมื่อเครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน จากนั้นคลื่นน้ำที่ถูกดันไปข้างหน้าก็อาจทะลักกลับมายังห้องเครื่องได้ ส่งผลให้เครื่องดับ
เมื่อมีรถสวนให้ลดความเร็วทันที เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคลื่นชนคลื่น ซึ่งน้ำที่ปะทะระหว่างรถของเราและรถที่วิ่งสวนมา อาจทำให้น้ำกระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้ เเต่ให้เลี้ยงรอบต่ำไว้
อย่าดับเครื่องยนต์ทันที เมื่อถึงจุดหมายให้จอดทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำที่อาจค้างอยู่ในหม้อพักไอเสียระเหยออกให้หมด หรือเร่งเครื่องไง่น้ำในท่อทิ้ง
ไล่น้ำให้เบรกด้วยการย้ำเบรก สำหรับรถเกียร์ออโต้ ให้ย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ส่วนรถเกียร์ธรรมดา ให้ย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น-หากข้ามวันแล้วยังพบอาการเบรกติด ให้สตาร์ทเครื่อง แล้วเข้าเกียร์หนึ่งเดินหน้าไปเล็กน้อย จากนั้นเหยียบเบรกให้แรงที่สุด แล้วทำซ้ำอีกครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นเข้าเกียร์ถอยหลัง ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ บวกกับการย้ำด้วย จนกว่าอาการดังกล่าวจะหายไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น