วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Carguru-bysetthi ทดสอบ:EVEREST 2.2TITANIUM+ เส้นทาง:พัทลุง-ตรัง ขึ้นเขาพับผ้า

ทดสอบ:EVEREST 2.2TITANIUM+ 
เส้นทาง:พัทลุง-ตรัง ขึ้นเขาพับผ้า
CarGuru-Bysetthi
เนื้อเรื่อง:เศรษฐี
ภาพประกอบ:เศรษฐี
สนับสนุนโดย:ฟอร์ดพัทลุง จ.วินิต
074-620446


Ford EVEREST 2.2 TITANIUM+ ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปี 2016 ที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสาวก FORD เเต่ก็ยังมีข้อสงสัยเรื่องเครื่องยนต์เพราะว่ามีปัจจัยล้ออัลลอยขนาด 20" ซึ่งเป็นขนาดล้อเดียวกับ รุ่น  3.2 TITANIUM+ สำหรับ EVEREST 2.2 TITANIUM+นั้น มีออปชั่นที่เทียบเท่า 3.2 เกือบทุกอย่าง จะต่างเเค่เครื่องยนต์กับระบบขับเคลื่อนเท่านั้น ในส่วนของเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่เเละฟังก์ชั่นอย่างอื่นนั้นเหมือนกันทุกอย่างจริงๆ เเละในส่วนข้อ วิตกกังวลที่หลายๆคนกำลังรุสึกคาใจอยู่ว่าวิ่งไหวมั้ย CarGuru-bysetthi ยืนยันว่าสบายมากๆสำหรับ การเเบกรับ ล้อ 20" เพราะมีเเรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 160 เเรงม้า เเรงบิดอยู่ที่ 385 เเรงบิด 



Carguru-bysetthi



          สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราเริ่มออกเดินทางจากจุดหมายก็คือ ฟอร์ดพัทลุง จ.วินิต สามเเยกโคกกอก ท่ามิหรำ เส้นทางเริ่มต้นก็เป็นถนนเอเชียถนนลาดยางพื้นเรียบวิ่งสบายเพราะขณะนั้นเวลาออกเดินทางเป็นเวลาเช้าเเดดอ่อนๆกำลังน่าขับรถชมวิวเชียว การออกตัวของ EVEREST 2.2 นั้นอาจจะดูไม่พุ่งเหมือนกับ 3.2 เพราะว่าด้วยฟอร์ดได้ใส่ระบบ TCS หรทอว่า ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว เลยทำให้รู้สึกหน่วงๆนิดๆนั่นเอง เเต่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนมาออกตัวด้วยเกียร์สปอร์ตได้เพื่เพิ่มความพุ่งในการออกตัว เเละ carguru-bysetthi ก็ไม่พลาดที่จะลองออกตัวด้วยโหมดสปอร์ต ถือว่าเเก้กิาการหน่วงๆได้ดีพอตัวเลยสำหรับโหมดนี้เเต่ก็ไม่ได้พุ่งเเรงเพราะ TCS คอยหน่วงไว้อยู่ดี เเต่ส่วนตัวมองว่ามันเป็นประโยชน์ถึงเเม้ว่าออกตัวไม่พุ่งเพราะเราเลือกที่จะปลอดภัยดีกว่า เดินทางได้สักระยะเริ่มสังเกตุการเปลี่ยนเกียร์ขณะนั้นขับด้วยเกียร์ D การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่นดีมากเเละเมื่อความเร็วเลย 80ไปเเล้ว การ Kickdown ทำได้ดีเพราะอัตรทด EVEREST 1:1 อยู่ที่เกียร์5 เเละเมื่อรถรันสุดเกียร์เกียร์6เเละต้องการ Kickdown ก็รันลงมาเเค่ 1 เกียร์ทำให้ Kickdown  ได้ไวไม่รอรอบนั่นเอง ต่อมาความเร็วที่ Carguru-bysetthi ใช้ ลองใช้ความเร็ว 140 ห้องโดยสารเงียบมากๆเพราะว่า มี ระบบตัดเสียงรบกวนนั่นเอง นอกจากนั้นเมื่อลองสังเกตุรอบเครื่องยนต์โดยความเร็วที่ 140 นั้น  พระเจ้า รอบเครื่องไม่ถึง -3 พันรอบต่อนาที ก่ะด้่วยสา่ยตารอบเรื่องอยู่ประมาณ 2,600/นาที ตัวเลขนี้บ่งบอกได้เลยว่า EVEREST2.2 ประหยัดน้ำมัน เเน่นอนไม่ต้องไปดูโฆษณาให้เสียเวลาเลย เพราะตัวเลขมันยืนยันอย่างนั้น 





ขับมาสักพักเริ่มเข้าสู่เส้นทางที่คดเคี้ยวถึงเวลาพิสูจน์ช่วงล่างที่ได้ชื่อว่าหนึบที่สุดในขณะนี้เเละเมื่อเข้าโค้งก่อนขึ้นเขาพับผ้าโค้งยังโหดไม่มาก EVEREST 2.2 ทำได้ดีทีเดียวบางโค้งเข้าที่ความเร็ว ๅ140-160 ไม่ต้องเเต่ะเบรกไม่ต้องเเต่งโค้งเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ ขับมาเรื่อยสนุกมันเเละไม่เหนื่อยด้วย EVEREST มีพวงมาลัยที่ผ่อนเเรงด้วยไฟฟ้า เบาสบายเเละคอยควบคุมให้หนักขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้นเเปรผันได้ตามสภาพถนน ก็เลยทำให้การเดินทางสบายยิ ่งขึ้น เเละเมื่อถึงเวลาขึ้นเขาพับผ้า เวลาเเละจุดที่ท้าทายที่สุดกำลังมาเยือน เพราะเขามีเนอนสูงขึ้นๆลงๆ เเละโค้งรับไปรับมาบิดเป็นตัว S สองชั้นบ้าง ด้วยความหนึบของช่วงล่าง EVEREST เลยลองเข้าโค้งหนักๆ เชื่อมั้ยครับว่าระบบ ESP เข้ามาช่วยได้ดีคอยควบคุมท้ายรถเเละหัวรถให้อยู่ในร่องโค้งได้ตลอดเวลา ทั้งๆที่ลองเข้าโค้งด้วยมือเดียวเป็นโค้งตัว S ด้วยความเร็ว 140 บอกได้คำเดียวเยี่ยมที่สุด อัตราเร่งหลังจากการออกจากโค้งที่ละทีไม่สูญเสีย  เพราะว่าเเทบไม่ต้องเเต่ะเบรก 

เบื้องต้นต้องประธานโทษเรื่องภาพประกอบด้วย
เนื่องจากการทำงานของcarguru-bysetthi มีเเค่ไอโฟน5เครื่องเดียวเท่านั้น 
ยังขาดอุปกรณ์ที่ดีในการทำเว็ป






จากนั้นเข้าสู่ยอดเขาจุดที่สูงที่สุดของเขาพับผ้า ตลอดขาขึ้นเขาขับสบายไม่เหนื่อยไม่รู้สึกล้าไม่เมารถเเละระหว่างนั้นได้ลองใช้ ระบบเตือนการชนด้านหน้าทำงานได้ดีทีเดียว ระบบจะคอยเตือนเมื่อเราเข้าใกล้ระยะที่เราตั้งไว้โดยการเเสดงเตือนเป็นไฟ LED ที่กระจกรถด้านคนขับ เเละยังเเจ้งระยะเเถบสีบนหน้าปัดรถอีกด้วยกรณีเข้าใกล้มากๆ จากเหตุการณ์ที่เจอ ระบบจะเตือนเป็นรูปรถชนตูดกันพร้อมกับมีเสียงเตือน เเละเเป้นเบรกจะเบรกได้ง่้ายขึ้นไม่ต้องเหยียบลึกเพราะว่าระบบเตรียมน้ำมัีนเบรกไว้ให้เรานั่นเอง





ต่อมาลงจากเขาเริ่มเจถนนทางตรงๆเลยได้มีโอกาศทดสอบระบบควบคุมความเร็วเเบบรักษาระยะห่างการทดสอบก็เป็นไปด้วยดีระบบทำงานดีมากพอเราเซ็ทค่าความเร็วที่ต้องการไว้ระบบก็จะควบคุมระยะห่างทันทีหากรถคันที่เราตามหลังอยู่เบรกระบบจะเบรกให้เราทันทีเพื่อรักษาระยะห่างนั่นเองเเต่ ผมลองเบี่ยงหัวออกจากรถคันที่ผมตามอยู่เชื่อมั้ยครับว่าระบบเร่งความเร็วกลับมาที่ 140 เหมือนเดิมเพราะผมตั้งไว้ 140 นั่นเอง สบายเข้าไปอีก  ....เส้นทางยังคงตรงอยู่เลยต่อด้วยระบบ รักษารถให้อยู่ในช่องจราจร  ระบบนี้ทำงานได้ดีมากๆเเค่พวงมาลัยเราเอนไหลไปเบาๆระบบจะปตือนสั่นเเละประคองพวงมาลัยกลับเลนจราจรทันที เเละที่สำคัญได้ลองในเลนโค้งหรือทางโค้งในทางที่โค้งไม่มากนักรถสามารถประคองพวงมาลัยกลับเข้ามาได้เเต่ลองปล่อยมือขับขี่ดูพอระบบช่วยให้กลับมาสู่เลนเเล้วหากไม่มีการจับพวงมาลัยอยู่ระบบจะเเจ้งเตือนบนหน้าจอให้เราจับพวงมาลัยเพื่อควบคุมรถต่อนั่นเอง ไม่ต้องกลัวหลับในเลยครับคราวนี้เเละในระหว่างนั้น ระบบเเจ้งเตือนการขับขี่ ก็ทำงานเเจ้งเตือนเป็นรูปถ้วยกาเเฟเพราะว่าผมปล่อยให้รถเซไปเซมาหลายรอบโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวนั่นเอง




ตลอดการเดินทางเกือบ 200 กิโลเมตร EVEREST 2.2 TITANIUM+ ขับสนุก ไม่อืดอย่างที่คิดเลย ขับสบายด้วยเพราะมีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมายช่วงล่างที่หนึบเข้าโค้งได้สบายเลยทำให้รู้สึกอยากขับรถขึ้นมาเลยทั้งๆที่เบื่อการขับรถไกลๆ  
Carguru-bysetthi



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น